คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่านคงมีข้อสงสัยและมีคำถามกับตัวเองว่า เราควรจัดแยกห้องนอนสำหรับเด็กเมื่อไหร่ถึงจะดี โดยทั่วไปแล้ว การจ้ดให้เด็กมีห้องนอนเป็นของตัวเองในวัฒนธรรมเอเชียเราก็ไม่ได้มีการกำหนดอายุที่ตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความพร้อมของเด็ก ครอบครัว และพื้นที่อยู่อาศัย
วัฒนธรรมเอเชียและสายใยครอบครัว: แนวคิดของชาวเอเชียหลายครอบครัวให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด การที่ลูกนอนรวมกับพ่อแม่จึงถือเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความผูกพันในครอบครัว ทำให้หลายบ้านเลือกที่จะให้ลูกนอนร่วมห้องจนกว่าจะถึงวัยหนึ่งที่เหมาะสม
ดังนั้นเราจะแนะนำเป็นไอเดียกว้างให้พ่อแม่ได้นำไปพิจารณาได้ทราบถึงแนวความคิดในการจัดห้องนอนในแต่ละช่วงวัย มีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งเรื่องของความปลอดภัย ฟังก์ชันการใช้งาน และการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่จะพิจารณาให้เด็กเริ่มแยกห้องนอนได้ตั้งแต่อายุ3ขวบขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่น่าจะเริ่มพิจารณาแยกห้องนอนอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 6 ขวบขึ้นไป ดังนั้นจึงขอแนะนำไอเดียการแต่งห้องแยกตามช่วงวัย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุดครับ.
ช่วงวัยนี้เด็ก ๆ จะเริ่มมีจินตนาการสูง ชอบสำรวจและเล่น จึงควรเน้นห้องที่ปลอดภัยและกระตุ้นการเรียนรู้ อาจเริ่มจากการให้เด็กมีเตียงนอนเด็กที่เป็นของตัวเองโดยใช้เตียงเสริมวางข้างเตียงพ่อแม่แต่เด็กยังนอนรวมกับพ่อแม่อยู่ แต่หากครอบครัวใดที่มีความพร้อมที่จะให้ลูกแยกห้องนอนของตัวเองก็แนะนำแนวคิดไอเดียจัดห้องนอนดังนี้
ธีมและสีสัน: ใช้สีสันสดใส เช่น ฟ้า เหลือง เขียว ชมพู หรือธีมที่เด็กชอบ เช่น ธีมสัตว์ ธีมซุปเปอร์ฮีโร่ ธีมอวกาศ หรือธีมเทพนิยาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างจินตนาการ
เฟอร์นิเจอร์: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขอบมน ไม่มีมุมแหลมคมเพื่อความปลอดภัย ควรเลือกเตียงนอนเด็กขนาดเล็ก หรือเตียงที่มาพร้อมกับลิ้นชักเก็บของใต้เตียง เพื่อประหยัดพื้นที่ นอกจากนี้ อาจใช้ชั้นวางของแบบเปิดเพื่อให้เด็กหยิบของเล่นได้เอง
การจัดเก็บ: เน้นการจัดเก็บที่ง่ายและเข้าถึงได้ เลือกกล่องหรือตะกร้าใส่ของเล่นที่มีขนาดพอดีสำหรับเด็ก ทำให้พวกเขาสามารถเก็บของเล่นได้ด้วยตัวเอง
เด็กวัยนี้เริ่มเข้าโรงเรียนและมีงานอดิเรกของตัวเอง ห้องนอนจึงควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการเรียนรู้และกิจกรรมต่าง ๆ
ธีมและสีสัน: ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกธีมที่สะท้อนความเป็นตัวเอง เช่น ธีมกีฬา ดนตรี หรือตัวการ์ตูนที่พวกเขาชอบ อาจใช้สีที่ดูสงบและผ่อนคลายมากขึ้นอย่าง สีพาสเทล หรือสีโทนอ่อน
เฟอร์นิเจอร์: นอกจากเตียงนอนเด็กที่ต้องพิจารณาถึงขนาดให้เหมาะกับสรีระเด็กเพิ่มโต๊ะเขียนหนังสือและเก้าอี้ที่ปรับระดับความสูงได้ เพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น จัดมุมอ่านหนังสือเล็ก ๆ ที่มีโคมไฟตั้งโต๊ะเพื่อส่งเสริมการอ่าน นอกจากนี้ ควรมีพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะหรือของสะสมของเด็ก ๆ
การจัดเก็บ: ใช้ชั้นวางหนังสือและตู้เก็บของที่แบ่งช่องอย่างชัดเจนเพื่อความเป็นระเบียบ อาจเลือกใช้ชั้นวางแบบติดผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย
เด็กวัยนี้เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นของตัวเองและสะท้อนความเป็นตัวตนอย่างชัดเจน ห้องนอนจึงเปรียบเสมือนป้อมปราการที่พวกเขาใช้เวลาอยู่มากที่สุด
ธีมและสีสัน: ให้เด็กเลือกธีมและสีสันที่พวกเขาชอบทั้งหมด อาจเป็นสีที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เช่น สีเทา สีน้ำเงินเข้ม หรือสีเอิร์ธโทน ซึ่งสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไป
เฟอร์นิเจอร์: เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เตียงนอนเด็กที่สามารถพับเก็บได้ หรือเตียงที่มีพื้นที่ทำงานด้านล่าง โต๊ะเขียนหนังสือควรมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการเรียนที่จริงจัง
การจัดเก็บ: ตู้เสื้อผ้าควรมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับเสื้อผ้าและข้าวของที่เพิ่มขึ้น อาจเพิ่มชั้นวางของหรือลิ้นชักสำหรับเก็บของสะสม หรือของใช้ส่วนตัว
ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ให้เด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตั้งแต่การเลือกสีไปจนถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกรักและเป็นเจ้าของห้องนอนของตัวเอง
โดยทั่วไปแล้ว การให้เด็กมีห้องนอนเป็นของตัวเองในวัฒนธรรมเอเชียไม่ได้มีกำหนดอายุที่ตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความพร้อมของเด็ก ครอบครัว และพื้นที่อยู่อาศัย
ช่วงอายุที่แนะนำ:
ช่วง 1-3 ปี: เป็นช่วงที่บางครอบครัวอาจเริ่มให้เด็กแยกเตียง แต่ยังคงอยู่ในห้องเดียวกับพ่อแม่ (co-sleeping) เพื่อความปลอดภัยและเพื่อสร้างความคุ้นชิน
ช่วง 3-6 ปี: เป็นวัยที่เด็กบางคนเริ่มมีความเป็นอิสระและเข้าใจการมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น พ่อแม่สามารถค่อยๆ ฝึกให้เด็กนอนคนเดียวได้ในวัยนี้
ช่วงวัยประถม (7-12 ปี): หลายครอบครัวในเอเชียจะเริ่มให้ลูกมีห้องนอนส่วนตัวในช่วงนี้ เนื่องจากเด็กเริ่มเข้าสู่วัยเรียน มีความต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการทำการบ้าน อ่านหนังสือ และทำกิจกรรมยามว่าง
ช่วงวัยรุ่น (13-15 ปี): เป็นช่วงที่เด็กส่วนใหญ่ควรมีห้องส่วนตัวแล้ว เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ
หน้าที่เข้าชม | 192,475 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 99,802 ครั้ง |
เปิดร้าน | 2 ก.พ. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 24 ก.ย. 2568 |